วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แฉ ธุรกิจอินเตอร์เน็ตเส้นทางที่จะทำให้คุณเสียเงินฟรี !!!


สำหรับใครบางคนที่กำลังสนใจจะทำธุรกิจประเภทนี้อยู่ ผู้เขียนขอแนะนำให้อ่าน บทความต่อไปนี้ให้จบทุกบรรทัดน่ะครับ เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่คุณจะเสียมันไป 


สำหรับธุรกิจอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันถือว่าเป็นที่นิยมกันในกลุ่ม วัยรุ่นและกลุ่มวัยทำงานซึงจากที่เราเห็นปัจจุบัน จะปรากฎถึงการโฆษณา ตามที่ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น facebook  IG Twiter  อื่นๆ อีกมากมาย บางครั้งการที่เราเห็นโฆษณาเหล่านี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกรำคาญเป็นบางครั้งบางคราเหมือนกันแต่ คนที่โพสโฆษณาเหล่านั้นเขาจะได้อะไรจากการที่เขาโฆษณาบ้าง มาดูกัน

1.ถ้ามีคนคลิกเข้าไปแล้วไปซื้อสินค้าหรือสมัคร ผู้ที่โพสโฆษณานั้นจะได้ค่าคอมมิสชั่น
ตามที่หัวข้อบอกเลยก็คือถ้าเราคลิกเข้าไปสมัคร สมมุติว่าที่เราคลิกเข้าไปสมัครเป็น เว็ปขายครีม พอเราซื้อของจากโฆษณานั้นปุ๊บ ผู้ที่โพสโฆษณานั้นก็จะได้รับ ค่าคอมมิชชั่น โดย ผ่าน LINK ID มันดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ง่ายมาก แต่ ถ้าเราไม่รู้วิธีทำหรือเคล็ดลับในการทำ รับรองได้เลยว่าคุณท้อก่อนที่จะประสบความสำเร็จแน่นอน

2.ถ้าโฆษณานั้นเป็นงานที่ทำบนอินเตอร์เน็ต
งานที่ทำบนอินเตอร์เน็ตที่เราจะเห็นกันได้ตามหน้าเฟสบุ๊คหรือหน้าเว็ปต่างๆมากมายหลายวิธีที่บางคนโพสบอกว่าทำอาทิตย์ละ3000-5000 บาท ผู้เขียนจะขอบอกได้เลยว่า ถ้าทำ มันได้แน่นอนแต่จะได้ช้าได้เร็วนั้นก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน แต่ผู้เขียนจะขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เงินที่เขาโฆษณานั้นเป็นรายได้ของคนที่ทำมานานและรู้จุดในงานโฆษณาเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น มือใหม่อย่างเราๆก็คงต้องใช้เวลากันนานซักหน่อย ตอนแรกๆก็อาจจะได้น้อยหรือไม่ได้เลย แต่ถ้าทำไปนานๆก็จะสามารถหารายได้ตามที่เขาบอก แต่ผู้เขียน อยากจะบอกว่า ส่วนใหญ่ เลิกกันก่อน เพราะ มันเป็นงานที่ใช้เวลาในการสร้างกระแสนานและจะลำบากในช่วงแรกๆ ดูเหมือนจะง่ายแต่ยากมาก

 3.ได้ผู้ช่วย (ผู้ช่วยก็คือคนที่สมัครนั้นเอง)
ในหลายธุรกิจจะมีอย่างนึงที่เหมือนกันก็คือ เครือข่าย เครือยขายที่ว่านี้คือ เป็นเครืองข่ายที่ผู้โฆษณาสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างฐานการกระจ่ายข่าวในการข่ายสินค้า โดยที่ผู้โฆษณาอยู่เฉยๆก็ได้เงินจากการที่ ผู้สมัครผ่านโฆษณานั้นทำงานต่อให้ อย่างเช่น นายA โฆษณาให้ นาย Bซื้อ นายB ไปขายต่อนาย C นายBได้เงิน นายAก็ได้เงินส่วนแบ่งจากบริษัทแม่ในสัดส่วนที่กำหนดไว้โดยเทคนิตนี้เรียกว่า MLM เป็นการบอกต่อๆกันโดยผู้ที่บอกต่อคนแรกจะได้รับส่วนแบ่งจากผู้ที่บอกต่อ คนที่ 2 3 4...  นั้นเอง

   สรุปเลยก็คือ งานที่ทำในอินเตอร์เน็ตดูเหมือนจะง่ายแต่ทำยากมากโดยต้องใช้ทั้งประสบการณ์และความสามารถ โดยจุดประสงค์ที่ผู้เขียนได้เขียนนั้น เพื่อที่จะบอกให้คนที่สนใจในธุรกิจอินเตอร์เน็ตได้รู้ถึงวิธีการทำงานบนอินเตอร์เน็ตว่ามันเป็นอย่างไรยังไง เผื่อว่าถ้าเราทำจะได้ไม่เสียเงินลงทุนไปฟรีๆอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่มองธุรกิจนี้ในแง่ลบ ทำให้คนที่ทำธุรกิจนี้ต้องมองโลกในแง่ดีและมีความอดทนสูงมากเพราะฉะนั้นก็ใครที่คิดว่าอยากจะทำเราทำได้แน่นอนก็ ทำเลยครับ เพราะ ถ้าได้ดีมันก็ดี แต่ถ้าไม่ ก็เสียเงินฟรี ครับผม

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อาชีพทำเงิน แนะเคล็ดลับวิธีหาสินค้าขายบนอินเตอร์เน็ต

อาชีพทำเงิน แนะเคล็ดลับวิธีหาสินค้าขายบนอินเตอร์เน็ต

  
 



                        อาชีพเสริม อาชีพทำเงิน วันนี้นายอาชีพ จะให้แนวคิดเล็กๆกับการหารายได้อีกเช่นเคยนะครับแต่คราวนี้เป็นวิธีการหารายได้จากการขายของทางอินเตอร์เน็ต เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้นะครับ ว่าทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันกับเราเป็นอย่างมาก สถิติของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตต่อวันทั่วโลก คงนับได้ยาก เฉพาะประเทศไทยก็หลายล้านคนแล้วสำหรับผู้ใช้

      
       ฉนั้นแล้วเป็นเรื่องที่ไม่แปลกกันเลย ถ้าเราจะหาทางทำเงินทางอินเตอร์เน็ต การซื้อขายผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรือที่เรียกเป็นภาษา ประกิดว่า E-Commerce นั้น ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่หากได้มีมานานแล้ว ประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต สำหรับบางคนแล้วเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่บางคนก็ไม่เคยเลยก็มี
      
       แต่หากลองคิดดู สำหรับคนที่มีสินค้าหรือร้านค้าอยู่แล้ว ไม่ได้เพิ่มช่องทางในการขายสินค้าก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ยกตัวอย่าง ถ้าคุณผู้อ่านมีสินค้าแปลกๆที่ไม่เหมือนใครในท้องตลาด ผมคิดว่าลองเอามาขายผ่านอินเตอร์เน็ตดูไหมครับเป็นการเพิ่มช่องทางอีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ซื้อ
อาชีพทำเงิน แนะเคล็ดลับวิธีหาสินค้าขายบนอินเตอร์เน็ต
       สำหรับบางคนที่ไม่มีสินค้า แต่พยายามหาของมาขายแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี เพราะคนอื่นก็ขายกันหมดแล้ว ลองคิดดูสิครับ อย่างแรกคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่นงานฝีมือที่ทำออกมาแล้วไม่เหมือนใคร เช่นการทำโคมไฟโดยใช้กะลา การทำสร้อยข้อมือแปลกๆแนว ที่มาจากธรรมชาติ แค่นี้คุณก็มีจุดแข็งแล้ว ที่เหลือก็รอการโปรโมท เช่นการโพสตามเวบบอร์ดต่างๆ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าคุณมีอะไร
      
       หรือถ้าคุณมีที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งสินค้าที่มีต้นทุนต่ำ อย่างเช่น คุณอยู่ใกล้ตลาดชายแดนช่องจอม คุณต้องการขายรถจักรยานโบราณมือสองของญี่ปุ่น ถ้าคุณอยู่ใกล้แหล่ง คุณสามารถซื้อได้ในราคา 600บาท แต่ถ้าคุณซื้ออยู่ที่อื่นราคาต่างกันถึง 2-3 เท่าตัว
      
       ทั้งนี้ ให้คุณสำรวจตัวคุณเองว่าคุณอยู่ใกล้แหล่งสินค้าอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ว่างๆก็แวะไปดูว่าแถวบ้านคุณมีอะไรแปลกๆที่น่าซื้อและน่าจะนำไปขายต่อได้บางท่านเก่งๆ นำสินค้า OTOP จากแหล่งราคาต้นทุนไม่กี่ร้อย เอาไปขายในเวบไซต์ E-BAY โปรโมทให้ชาวต่างชาตืได้เห็น เอาไปขายหลักพันหลักหมื่น ก็ขายได้ ยกตัวอย่าง ผ้าไหม สินค้าทำมือที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย และอีกมากมายเยอะแยะ คนไทยส่วนน้อยครับที่เข้าไป E-BAY ตลาดนี้ยังกว้าง รอคนที่พร้อมและลงมือทำเข้ามาอยู่เสมอ
อาชีพทำเงิน แนะเคล็ดลับวิธีหาสินค้าขายบนอินเตอร์เน็ต
       แต่สำหรับคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ในการซื้อของมาสต๊อกเก็บไว้ นายอาชีพแนะนำให้ใช้วิธีการจับเสือมือเปล่า(ไม่ได้ให้ไปโกงใครนะครับ) การจับเสือมือเปล่าในที่นี้หมายถึงการเป็นตัวกลาง เช่น คุณไปถ่ายรูปสินค้าของเค้ามาในกรณีที่สนิทกับเจ้าของสินค้า แล้วคุณก็นำรูปมาโพสเสนอขายทางอินเตอร์เนต พอมีออเดอร์มา คุณก็เอาเงินที่เค้าโอนให้ไปซื้อของที่ลูกค้าอยากได้
      
       ส่วนการทำกำไรคุณก็จัดการส่วนต่างเอาเอง ว่าจะเอากี่เปอร์เซ็นจากตัวสินค้า ที่สำคัญนะครับขอเตือนนิดนึง สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต คือ คุณต้องสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าให้ได้ ลูกค้าสั่งของ ต้องส่งของให้ลูกค้าให้เร็วที่สุด เรื่องราคา เรื่องคุณภาพสินค้า และจรรยาบรรณของผู้ขายต้องมี จำหลักง่ายๆครับ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
      
       สำหรับการขายของที่ไม่ใช้แล้วหรือของส่วนตัวเหมาะกับคนที่ต้องการเริ่มต้นขายของทางอินเตอร์เน็ต ลองดูครับว่ามีอะไรดีๆในบ้านเราที่เราไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว อย่าเสียดายครับ เอาไปขายได้เงินมาเอามาต่อทุนซื้อสินค้าได้อีก แต่ขอย้ำนะครับว่าสภาพสินค้าของคุณนั้นต้องยังดีอยู่ และเป็นของดีมีคุณภาพ คุณนำไปเสนอขายทางอินเตอร์เนต ผมว่ายังไงก็ขายได้ครับ
      
       ข้อคิดสำคัญอีกข้อนะครับ ไม่ว่าสินค้าจะเป็นอะไร สิ่งสำคัญที่สุดในโลกอินเตอร์เนตก็คือ การโปรโมทสินค้าและการจัดการสินค้าของคุณ (internet marketing) คุณต้องโพสประกาศให้โลกรู้ด้วยนะครับว่าคุณมีอะไรมาขาย และสินค้าของคุณมีความน่าเชื่อถืออย่างไร

 ที่มา : ช่องทางทำเงิน อาชีพเสริมทำงาน 

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หลักสูตรแห่งการเรียนรู้ ลองดูสิว่า ธุรกิจออนไลน์คุณจะทำได้หรือป่าว

ประเด็นของเรื่องก็คือว่า

ผมแค่อยากจะบอกว่าธุรกิจออนไลน์ไม่ใช่งานที่ง่ายๆอย่างที่คุณคิด




                         ธุรกิจออนไลน์เป็นสิ่งที่ฟังแล้วดูง่ายเพราะยุคสมัยนี้ใครๆก็รู้จักใช้อินเตอร์เน็ตและหันมาบริโภคสินค้าออนไลน์มากขึ้นจึงทำให้ยอดขายสินค้าออนไลน์ กระแสการซื้อสินค้าออนไลน์พุ่งสูงขึ้นทำให้เหล่านักขายออนไลน์ ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียวนักขายออนไลน์หลายคนมีรายได้เป็นหลักล้าน หลักแสน หลักหมื่น เพียงแค่นั้งอยู่ที่หน้าจอแล้วส่งของแค่นั้น ต่างจากคนทั่วไปที่กว่าจะได้เงินหมื่นเงินแสนกันแต่ละทีต้องมานั้งทำงานวันละ แปด เก้าชั่วโมงเผลอๆบ้างคนอาจจะทำงานทั้งวันเหน็ดเหนื่อย ข้าวได้กินบ้างไม่ได้กินบ้างบางคนถึงกับกินมาม่าเป็นอาหารจานหลักกันเลยทีเดียวจนในที่สุดมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเหล่านี้บางคนจึงหันมาทำธุรกิจออนไลน์กันเพื่อเป็นรายได้เสริม บางคนเปิดร้านออนไลน์ บางคนทำธุรกิจเครือข่าย แต่มีจุดนึงที่น่าสังเกตุเป็นอย่างยิ่งว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะทำธุรกิจออนไลน์สำเร็จ แล้วทำไมคนส่วนใหญ่จึงล้มเหลว สิ่งนี้เป็นจุดที่น่าสนใจมากทีเดียวว่าทำไม คนที่ำธุรกิจออนไลน์แล้วไม่ประสบความสำเร็จจึงมีเป็นจำนวนมาก

เหตุผลที่ผมจะกล่าวนั้นมาจากความคิดเห็นของผมล้วนๆเลยน่ะครับ




                   
ข้อเสียของธุรกิจออนไลน์


                         คือ ธุรกิจออนไลน์ เป็นธุรกิจที่เปิดกว้างทุกคนสามารถที่จะมาเป็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ได้เป็นธรรมดา พอธุรกิจออนไลน์เริ่มบูม คนที่มาทำธุรกิจประเภทนี้ย่อมเยอะขึ้นเป็นธรรมดาเพราะกำลังซื้อและเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายกว่าการเปิดหน้าร้าน พอจำนวนคนขายเยอะ ก็เกิดการแข่งขันทางธุรกิจ บางคนโปรโมทสินค้าผ่านทาง facebook ig tw line บางคนลงโฆษณา ตามเว็ปต่างๆ มันก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง บางคนถึงกับขนาดจ้างดารามาโฆษณากันเลยทีเดียว แน่นอนว่าวิธีการนี้เสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและความเสี่ยงสูงด้วยเพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้บริโภคหันมาสนใจมากน้อยเพียงใดถ้าได้กำไรก็ดีไป แต่ถ้าขาดทุนเนี้ยสิ เป็นเรื่องเลยทีเดียว แล้วเราลองมาคิดกันน่ะครับว่าถ้าเราอยากจะทำธุรกิจออนไลน์จริงๆ แต่ทุนน้อย เราจะไปสู้เจ้าอื่นที่เงินทุนเยอะได้หรือป่าว เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจออนไลน์ถ้าอยากจะให้ประสบความสำเร็จจริงๆ สมควรที่ต้องพร้อมทั้งทุน พร้อมทั้งการยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและที่สำคัญที่สุดคือต้อง รู้จักกระแสของสินค้าว่าชิ้นไหนกำลังมาแรง ชิ้นไหนกำลังตก วิธีดูกระแสสินค้าสำหรับคนที่ยังไม่รู้น่ะครับ



ส่วนข้อดีของธุรกิจออนไลน์นั้น 

                         ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้ดีสำหรับข้อดีของมัน แต่มีข้อดีอย่างหนึ่งที่ถ้าทำสำเร็จนั้นชีวิตคุณจะสบายแน่นอนคือ การสร้างแบรน์ให้เป็นที่จดจำของผู้บริโภค เพราะนั้นจะเป็นฐานกำลังรายได้ของคุณที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องคือ ค่าโฆษณา ค่าลิขสิทธิ์  และอื่นๆอีกมากมายแต่อย่าลืมน่ะครับว่ากการสร้างแบรน์ให้คนจดจำนั้นสามารถทำได้ยากมากเพราะต้องใส่ใจทุกรายละเอียด เทคแคร์ผู้บริโภคเพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจเราและสนับสนุนเราเพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณพยายามผมเชื่อว่าคุณต้องทำได้แน่นอนครับ




                       สรุปก็คือ ผมแนะนำว่าถ้าอยากจะทำธุรกิจออนไลน์จริงๆคุณควรที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมันก่อน ลองทำอะไรที่มันเล็กๆดูก่อน เช่น ลองทำธุรกิจเครือข่าย (เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างต่ำที่สุดและปลอดภัยที่สุดในขณะนี้) หรือ คุณจะลงคอร์สเรียนเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ก็ได้ เพราะ ถ้าคุณทำธุรกิจออนไลน์ด้วยตัวของคุณเพียงคนเดียวนั้น คุณต้องลงทุนเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมากและมีความเสี่ยงที่สูง

                 ยังไงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามผมคิดว่า ถ้าเราเชื่อในตัวเองเชื่อในความฝันของตนเองและทำมันอย่างเต็มที่ พระเจ้าจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณอย่างแน่นอนครับ ผมรับประกัน



วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ึ7 อาชีพที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆที่บ้านของคุณ

7 อาชีพเสริมทำรายได้ที่บ้าน




หลังจากที่เราได้เห็น และได้รู้ว่า ทำไมต้องทำอาชีพเสริมไปแล้ว จากบทความในครั้งก่อนๆ ซึ่งทำให้เราได้เห็นว่า ในต่างประเทศนั้น การทำอาชีพเสริม เป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆ ก็ทำกัน เพราะยังไง การทำเงินหลายทาง ก็ดีกว่า การทำเงินได้ทางเดียว
มีหลายกระเป๋า ก็ดีกว่า มีเพียงกระเป๋าเดียว รวมถึง การหาเงินเพิ่ม ยังไงก็เป็นทางเลือก ที่เหมาะสมกว่า การประหยัดอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม หลายต่อหลายคนก็มองว่า เราออกไปข้างนอก ไปทำงานในที่ทำงาน ตั้งสัปดาห์ละ 5-6 วันแล้ว แค่นี้ก็ ค่อนข้างที่จะเหนื่อยแล้วนะ
รายได้เพิ่ม จากอาชีพเสริม ก็อยากจะได้อยู่หรอก แต่ว่าขออยู่บ้านกับครอบครัว ซักสัปดาห์ละ 1-2 วัน จะไม่ได้เลยหรอ นี่เป็นหลายๆ email ที่ส่งเข้ามาถามเรา ว่าน่าจะแนะนำ อาชีพเสริม ที่สามารถทำได้ที่บ้าน เค้าจะได้ ได้รายได้เพิ่ม แล้วยังได้อยู่กับครอบครัว ทั้งเวลาเย็นที่รีบกลับบ้าน มาทำอาชีพเสริมที่บ้าน และในวันหยุดอีกด้วย
ทางเราก็ได้ ทำการค้นหาข้อมูล และรวบรวม อาชีพเสริมทำที่บ้าน ที่น่าสนใจ และทำให้ครอบครัวอบอุ่นขึ้น ไม่ต้องออกไป ทำงานข้างนอก ในวันหยุด และยังได้ รายได้เพิ่ม ตรงตามจุดประสงค์ ที่ต้องการจะได้ รายได้เพิ่ม แต่ไม่ต้องเสียเวลาที่ใช้ กับครอบครัว

7 อาชีพเสริมทำที่บ้าน




อาชีพเสริม ที่จะนำเสนอ 7 อาชีพนี้ จะแบ่งเป็น 2 ประเภท โดย 3 อาชีพแรก เป็นอาชีพเสริม ที่ง่ายๆ ทุกคนทำได้ ไม่จำเป็นต้อง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญมาก่อน เริ่มต้นได้ง่าย ใครๆ ก็ทำได้ ส่วน 4 อาชีพหลังนั้น เป็นอาชีพเสริม ที่จำเป็นต้องใช้ ความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะ ในบางด้าน ซึ่งอาจจะรวมถึง การใช้ Computer การใช้ภาษาอังกฤษ การขีดๆ เขียนๆ และการถ่ายรูป
1. งานฝีมือ

อาชีพเสริม ที่สามารถเริ่มต้นได้ที่บ้าน สุดแสนจะ Classic คือ การทำงานฝีมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เย็บปักถักร้อย ทำสร้อยลูกปัด หล่อเทียนหอม และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นอาชีพเสริม ที่ง่ายๆ มีคนสอนทำอีกต่างหาก ถ้าหากว่าคุณทำไม่เป็น และมีการรับซื้อทุกชิ้น ที่คุณทำได้สำเร็จ
เป็นอาชีพเสริม แบบทำที่บ้าน ที่น่าสนใจมาก เพราะแทบไม่ต้องลงทุน เพียงแค่ลงเวลา ลงแรง แถมปราศจากความเสี่ยง อีกต่างหาก ซึ่งทำรายได้เพิ่ม ให้กับเราได้ หลายพันบาท ต่อเดือน อย่างสบายๆ
2. เก็บขวด กระดาษ หรือของเก่าที่บ้านมาขาย
อาชีพเสริม ที่บางคนมองว่า ไม่น่าพิสมัย นั่นคือ การเก็บของที่เหลือใช้ หรือของที่ต้องทิ้งแล้ว เช่น ขวด กระดาษ หรือของเก่าที่มีอยู่ในบ้านมาขาย เป็นสิ่งที่สามารถ ทำรายได้ให้กับเรา โดยที่เราไม่ต้องลงทุน ลงแรงอะไรเลย เพราะว่ามันก็เป็นสิ่งที่เรา ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จากมันอยู่แล้ว หรือบางครั้งจะต้องทิ้งมันลงขยะ ไปฟรีๆ ด้วยซ้ำ การนำมันมาขาย จะช่วยให้เรา มีรายได้กลับมา อย่างน้อยๆ เดือนละ 300-500 บาท เลยทีเดียว

3. รับพิมพ์งาน หรือคีย์ข้อมูล
นี่เป็น อาชีพเสริม ที่ทำที่บ้านได้ แบบสุดท้ายสำหรับ ประเภท ไม่ต้องการความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง นั่นคือ การรับพิมพ์งาน หรือคีย์ข้อมูล ซึ่งเหมาะสำหรับ คนที่พิมพ์เอกสาร ได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ซึ่งปกติแล้ว การพิมพ์งาน จะมีค่าแรงอยู่ที่ หน้าละ 13-15 บาท ส่วนการคีย์ข้อมูลนั้น จะมีค่าแรงอยู่ที่ แผ่นละ 3-5 บาท รวมๆ แล้ว ถ้าทำอย่างเต็มที่ เดือนๆ หนึ่ง น่าจะทำได้ถึง 4,000-5,000 บาท ได้โดยไม่ยาก


4. รับงานจาก Website ที่ชื่อ elance.com

อาชีพเสริมที่ทำที่บ้าน โดยที่ใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง แบบแรกที่จะนำเสนอ คือ การรับงานจาก elance.com ซึ่งเป็น Website ที่นายจ้าง กับ Freelance มาเจอกัน โดยงานที่มีการจ้าง ผ่าน elance.com จะมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น การเขียน Programme การทำ Application บนมือถือ การแปลเอกสาร การออกแบบ วาดเขียนต่างๆ เขียนแผนธุรกจ เขียนแผนการตลาด หรืองานเอกสารอื่นๆ ก็มี รายได้ที่เกิดขึ้น ก็แล้วแต่ การตกลงกับนายจ้าง


5. เขียนบทความตามที่ Website ชื่อ ehow.com ต้องการ
หลังจากที่เราได้รู้เรื่องราวของ elance.com ไปแล้ว ซึ่งบางทีเราอาจจะแค่ มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ แต่ไม่สามรถ ทำในสิ่งที่นายจ้างใน elance.com ต้องการ แต่เราอาจจะมีความรู้ เรื่องการออกกำลังกาย การลดน้ำหนัก การตกแต่งบ้าน การทำอาหาร หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Lifestyle อื่นๆ ทางเลือกที่จะเขียนบทความ ตามที่ ehow.com ต้องการ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก โดยเราจะได้ค่าตอบแทน ในการเขียนบทความอยู่ที่ 450-900 บาท ต่อ 1 บทความ ซึ่งก็เป็นตัวเลข ที่ไม่น้อยเลย

6. เขียน Blog หรือเขียน Review สินค้า
ถ้าคุณเป็นคนนึง ที่ชื่นชอบการเขียน Diary การเขียน Blog อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี ในการทำเงินให้กับคุณได้ คุณอาจจะมีการแนะนำสินค้า ที่คุณเคยใช้ ผ่านทาง Blog และทำเป็น Affiliated Marketing ไปในตัว ซึ่งก็เป็นการทำในสิ่งที่คุณชื่นชอบ และยังได้เงินอีกต่างหาก

7. รับถ่ายรูปติดบัตร
อาชีพเสริมทำที่บ้าน ตัวสุดท้ายที่เราจะแนะนำ คือ การรับถ่ายรูปติดบัตร จะเห็นได้ว่า ถ้าไปถ่ายรูป 1  หรือ 2 นิ้ว เพื่อนำไปติดบัตร หรือสมัครงาน จะต้องเสียเงินครั้งละ มากกว่า 120 บาท ซึ่งจริงๆ แล้วค่าอัดรูป อาจจะไม่ถึง 10 บาท เลยด้วยซ้ำ หากคุณเป็นคนนึงที่ชื่นชอบ การถ่ายรูป และมีกล้อง SLR อยู่ที่บ้าน ทำไมถึงไม่ลอง รับถ่ายรูปติดบัตรดูล่ะ อาจจะคิดโหลดละ 60 บาท ก็ได้ แค่นี้คนแถวบ้าน ก็จะมาถ่ายรูปกับคุณมากมาย อย่างแน่นอน



วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์

5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์







5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์

5 เทคนิคที่เราแนะนำนี้ เราแบ่งปันให้คุณนำไปใช้สำหรับประเมินว่าชื่อ Website ของคุณ ดูดีหรือยัง น่าเชื่อถือ ลูกค้าจำได้ง่าย และไม่ผิดลิขสิทธิ์ของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์มาก เราแนะนำให้คุณปฏิบัติตามข้อแนะนำนี้ ในการตั้งชื่อ Blog หรือ Website ของคุณ
ซึ่งคุณจะพบว่าปัญหา และเรื่องปวดหัวอื่นๆ จะหมดไป เช่น อยู่ดีๆ Website ของคุณก็เปิดไมได้ เพราะ Server ต้นทางมันขัดข้อง หรือลูกค้าที่เคยใช้บริการ Website ของคุณ อยู่ดีๆ ก็เข้าผิด Website และไปใช้บริการของ Website คู่แข่งที่ตั้งชื่อคล้ายกัน

หากคุณมี Website ของคุณแล้ว ก็ลองเช็คดูว่า Website ของคุณใช้เทคนิคทั้ง 5 นี้หรือเปล่า ถ้ายังไม่ได้ใช้ และ Website ของคุณก็อยู่ตัวและมีลูกค้าแล้ว ก็คงจะต้องปล่อยให้มันเลยตามเลย แต่ถ้า Website ของคุณ ยังทำไม่เสร็จดี หรือไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย
คุณอาจจะต้องพิจารณาเปลี่ยนชื่อ Website คุณใหม่ และลองใช้เทคนิคของเรา หรือเมื่อคุณตั้งใจจะทำ Project ใหม่ หรือสร้าง Website ใหม่ของคุณ และคุณมองว่าเทคนิคที่เราให้ไปนั้น สมเหตุสมผล และน่าจะ Work ก็ลองใช้ดูใน Project ใหม่ๆ ของคุณละกัน

1. ธุรกิจ ออนไลน์ ควรมี Web Hosting ของตัวเอง

คุณอาจจะสงสัยว่านี่เป็นบทความเกี่ยวกับการตั้งชื่อ Website แล้ว Web Hosting มาเกี่ยวอะไรด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตั้งชื่อ Website แต่อย่างไรก็ตาม Website ของคุณควรจะใช้ Web Hosting ที่เป็นของคุณเอง
ถึงบรรทัดนี้ บางคนอาจจะงง ไม่เข้าใจ หรือไม่เคยรู้ว่า Website แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Website ที่แปะอยู่บน Website ของคนอื่น และ Website ที่แปะอยู่บน Web Hosting ของเราเอง แบบแรก ก็เช่น แปะอยู่บน blogspot, blogger, bloggang, weloveshopping, oknation และตัว google เองก็มีให้ไปแปะอยู่เช่นกัน
ซึ่งเป็นการใช้ Server หรือพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลจาก Website นั้นๆ ส่วนแบบที่สอง ก็เช่น Website อย่าง janejud.com ที่คุณกำลังอ่านอยู่ หรือ kapook.com, sanook.com, pantip.com และ amazon.com  ก็เป็นแบบที่ 2
ซึ่งจริงๆ แล้ว การสร้าง Website แบบที่ 1 นั้น ง่าย และฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราแนะนำให้สร้างเป็นแบบที่ 2 จะดีกว่าด้วย 3 เหตุผลคือ
  • Domain Name หรือ URL ของ Website คุณโดยปกติแล้ว ถ้าคุณไปแปะไว้กับ Website ของคนอื่น URL ก็อาจจะออกมาหน้าตาแบบนี้ janejud.blogspot.com แทนที่จะเป็น janejud.com ทำให้ Website ดูไม่เป็นมืออาชีพ เหมือนยืมจมูก blogspot.com หายใจ และเวลาที่ลูกค้าของคุณมีการบอกต่อ ก็อาจจะจำไม่ได้ด้วยว่า มันอยู่กับ blogspot, blogger หรือ bloggang กันแน่
  • บน Web Hosting ของคุณ คุณจะทำอะไรก็ได้
    ถ้าคุณแปะอยู่กับ Website ของคนอื่น คุณจะมีข้อจำกัดบางอย่างในการแก้ไข Website ของคุณ เพราะมีชื่อบริษัทของเค้าอยู่ด้วย การแก้ไข รูปแบบ Design บางเจ้าแม้แต่สีของ Background ก็ถูกจำกัด  หรือเนื้อหาบางหัวข้อ เค้าอาจจะห้ามคุณเขียนก็ได้ แต่ถ้าเป็น Web Hosting ของคุณเอง ข้อจำกัดที่คุณมี ก็คงเป็นแค่จินตนาการของคุณเท่านั้น
  • เนื้อหา หรือ Content ที่อยู่บน Website มันเป็นหยาดเหงื่อของคุณนะสิ่งที่เรากลัวที่สุดในการแปะอยู่บน Website ของคนอื่นก็คือ ถ้าอยู่ดีมันเจ๊งหรือเลิกให้บริการแล้วล่ะ อย่าง Geocities ที่เคยโด่งดังมากในอดีต ตอนนี้ก็เหลือแต่ชื่อ แล้วเนื้อหาที่บางคนเคยเขียนอยู่บน Website ที่อยู่กับ Geocities ล่ะ คงจะหายไปตลอดกาล เนื้อหาที่เขียนบน Website ของบางคนอาจจะมากพอที่จะรวมเป็นเล่มขายได้เลยทีเดียว ฉะนั้น Content ที่อยู่บน Website อาจจะ ไม่ใช่ ของคุณจริงๆ ถ้ามันไม่ได้อยู่บน Web Hosting ของคุณ
สำหรับที่จด Domain และ Web Hosting เรามักจะใช้บริการจาก Bluehost.com  เพราะว่าเป็น Web Hosting ที่ WordPress แนะนำ และมีบริการ “one-click WordPress blog install” หรือ “ติดตั้ง WordPress ง่ายคลิ๊กเดียว” ซึ่งโดนใจเราตั้งแต่ที่เปิดเข้าไปเจอ
และถ้าคุณรู้สึกว่า WordPress ใช้ยาก ไปลากโน่น ลากนี่มาใส่ จาก Dreamweaver ดีกว่า คุณก็ลองเข้าไปดู Video นี้ ซึ่งบอกวิธีการสร้าง Website ใน WordPress เขียน Content และแปะรูป ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที


2. ถ้าเลือกได้ควรจะมีคำ Keyword อยู่ในชื่อ Website


แท้จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องมี Keyword อยู่ในชื่อ Website ก็ได้ แต่ถ้าเลือกได้มีอยู่ใน Website มันก็ดีกว่า เนื่องจากการที่มีคำ Keyword อยู่ในชื่อของ Website คุณจะช่วยให้ Google จัดอันดับ Website คุณให้เข้ากับ Keyword ที่อยู่ใกล้เคียง และช่วยให้ Website ของคุณมีอันดับสูงขึ้น
และทำให้คนที่เข้ามาค้นหาข้อมูลใน Google จดจำชื่อ Website คุณได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับ janejud.com มันอาจจะต่างออกไป เพราะ Website เราเจาะกลุ่มผู้อ่านคนไทย ถ้าใช้เป็นคำว่า ธุรกิจดี.com มันก็จะดูตลก หรือ thurakijdee.com มันก็จะสะกดยากจนเกินไป ไม่เหมาะกับการตั้งชื่อ Website


3. ไม่ควรมีตัวเลขอยู่ในชื่อ Website

เหตุผลที่เราไม่แนะนำให้มีตัวเลขอยู่ในชื่อ Website คือ ขนาดตัวเลขสำคัญๆ บางตัวในชีวิตคุณ คุณยังจำไม่ได้เลย แล้วลูกค้าของคุณจะไปจำชื่อ Website คุณที่มันมีตัวเลขได้ยังไง ลองถามตัวเองว่า คุณจำเลขบัตรประชาชนของคุณได้หรือไม่ คุณจำเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนที่คุณไม่ค่อยได้เจอได้หรือเปล่า
ฉะนั้นหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อ Website ที่มีตัวเลข ใช้แต่ตัวหนังสือ หรืออักขระก็พอแล้ว แต่ถ้าคุณตั้งชื่อที่มีตัวเลขไปแล้ว และ Website ของคุณเป็นที่รู้จักของลูกค้าเป็นจำนวนมากแล้ว วิธีแก้ไขก็สำหรับคุณ ก็คงต้องไปไล่ซื้อ Domain ตัวเลขใกล้เคียง เพื่อไม่ให้คู่แข่งมาจับจอง Domain นั้นและขโมยความสำเร็จของคุณ


4. ไม่ตั้งชื่อ Website ที่ชวนให้สับสน หรือสะกดผิดได้ง่าย

อีกหนึ่งความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อย พอๆ กับการตั้งชื่อที่มีตัวเลข คือ การตั้งชื่อที่ชวนให้สับสน หรือสะกดผิดได้ง่าย เช่น การใช้คำที่สะกดได้หลายแบบก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เจอบ่อย อย่างคำว่า color กับ colour ถ้าคุณตั้งชื่อ Website ว่า colorfultrip.com ลูกค้าคุณอาจจะเข้าใจว่าเป็น colourfultrip.com ก็เป็นได้
หรืออีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าพิมผิดก็คือ ภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เอาแค่คำง่ายๆ อย่าง “ครัวซอง” ซึ่งถ้าเขียนให้ถูก ต้องเขียนว่า Croissant ซึ่งยากที่คนทั่วไปจะเขียนถูก การตั้งชื่อร้านแบบนี้อาจจะเห็นได้ตามร้านเสื้อผ้าที่พยายามจะตั้งชื่อให้แหวกแนว ไม่เหมือนคนทั่วไป  และยังทำให้ลูกค้าหาไม่เจอด้วย


5. ไม่มีชื่อ Brand หรือเครื่องหมายการค้าของคนอื่น ในชื่อ Website

มันคงไม่ดีแน่ ถ้าคุณสร้าง Website ธุรกิจ ออนไลน์ ที่ทำเงินให้คุณได้หลักแสนหลักล้าน และสุุดท้ายคุณก็ถูกฟ้องให้เปลี่ยนชื่อ เพราะชื่อ Website ของคุณมีชื่อ Brand หรือเครื่องหมายการค้าของคนอื่น ซึ่งมันเป็นการยากที่จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปพิมพ์ชื่อใหม่ที่คุณจะตั้งขึ้น เพื่อทดแทนชื่อเดิม ทำให้กลุ่มลูกค้าที่คุณสร้างมาอย่างยากลำบากก็จะถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย
ตัวอย่างของความผิดพลาด เช่น ถ้าคุณตั้งชื่อ Website ว่า foxsparkjacket.com เพื่อขายเสื้อ Jacket และคุณก็ขายดีมาก วันดีคืนดี เจ้าของแบรนด์เสื้อ FOX อาจจะมาบอกให้คุณเปลี่ยนชื่อ Website เพราะว่าไปใช้ชื่อ FOX ของเค้าก็เป็นได้


ที่มา http://shoplri.com/